วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์ลำไยอบแห้ง

  มหัศจรรย์ลำไยอบแห้ง   

 ลำไยอบแห้ง


            คุณรู้หรือไม่ว่าลำไยอบแห้งมีประโยชน์อย่างไร และ ทำไมลำไยอบแห้งถึงได้รับความนิยม  อย่างแพร่หลายในประเทศจีนเรื่องราวที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ จะทำให้คุณได้รู้จักสรรพคุณของลำไยอบแห้ง ในมุมที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนในทางการแพทย์แผนโบราณของจีน นิยมใช้ลำไยอบแห้งมาเป็นส่วนผสม   ในตัวยา เนื่องจากเนื้อลำไยอบแห้งมีรสหวาน มีสรรพคุณทางยา บำรุงม้าม บำรุงหัวใจ และยังมีสรรพคุณใช้บำรุงเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของโลหิต ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยบำรุงกำลังของสตรี ภายหลังจากการคลอดบุตร บำรุงประสาทตา และสามารถป้องกันเชื้อโรคบางชนิดได้ ในตำรายาจีนโบราณได้นำลำไยอบแห้งมา ต้มกับโสม เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์ใน ผู้สูงอายุ นอกจากนี้ชาวจีนยังนิยมทานลำไยอบแห้ง หรือต้มดื่มน้ำลำไยอุ่นๆ บ้างก็เอามาปรุงเป็นอาหาร หั่นฝอยผัดกับข้าวก็ได้ หรือจะเอามาต้มน้ำแกงก็มีประโยชน์ต่อ ผิวพรรณและสุขภาพเช่นกัน
 งาน วิจัยในประเทศญี่ปุ่น พบว่า เนื้อลำไยแห้งช่วยระงับประสาทที่อ่อนเพลียจากการ          ตรากตรำทำงานหนัก ลดอาการเครียด กระวนกระวาย นอนไม่หลับ “ถ้านำลำไยอบแห้งไปต้มแล้วดื่ม แต่น้ำก่อนนอน…ช่วยให้หลับสบาย”ใน ประเทศไทย ผลการวิจัยลำไยแห้ง โดย รศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ   ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าในลำไยแห้งมีฤทธิ์ยับยั้ง  สารก่อมะเร็ง ช่วยลดอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว และในอนาคตอาจนำมาใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งเพราะ ให้ผลข้างเคียงน้อยลงหรือ ไม่มีเลย ทำให้ลดขนาดการใช้ยาหรือเคมีบำบัดลงที่มีผลข้างเคียงมากกว่า ทั้งยังยืนยันสรรพคุณ ประโยชน์ของลำไยว่ามีสารออกฤทธิ์เหนี่ยวนำเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และเซลล์ มะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ตาย สารที่ยับยั้งความเป็นพิษของสารก่อมะเร็งทางเดินอาหาร สารที่ออกฤทธิ์ลดการเสื่อมสลายของข้อเข่า ผลการวิจัยล่าสุดได้พบว่าลำไยแห้งสามารถออกฤทธิ์ทำลายและ  ต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน ได้ดีกว่าสารเคมีที่ใช้ในเครื่องสำอางปัจจุบัน.

ประวัติบ้านฉางข้าวน้อยใต้


 รูปพระธาตุกู่ครูบาคางเป็ด วัดฉางข้าวน้อย
         บ้านฉางข้าวน้อยใต้ ตามประวัติแจ้งว่าเริ่มก่อตั้งเมื่อ  พ.ศ.2350 โดยครูบาคัณธา เรวจฺจ  ถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ที่สิบสองปันนา และยังมีครูบาปินตา  ได้ร่วมเดินทางด้วยกัน ท่านได้ถูกภัยธรรมชาติคุกคาม จึงได้ชักชวน ศรัทธา ชาย-หญิงเดินทางรอนแรมกันมาเป็นเวลาหลายวัน  จนมาถึงที่ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ถูกต้องตามตำราทุกอย่าง ซึ่งมีแม่น้ำทาไหลผ่านทางด้านทิศตะวันออกเหมาะแก่การตั้งรกราก
เป็นอย่างยิ่ง ครั้นนั้นเวลาก็ใกล้จะเที่ยงเต็มที คณะศรัทธาจึงได้ถวายอาหารเพลแก่ครูบาท่าน 
ครั้นฉันท์ไปได้เพียงคำเดียว เวลาก็จะเที่ยงเสียแล้ว ครูบาท่านทั้งสองจึงได้ชวนคณะศรัทธา ตั้งหลักปักฐานกัน ณ ที่แห่งนี้โดยครูบาปินตา  ได้พาชาวบ้านส่วนหนึ่ง แยกไปตั้งหมู่บ้านอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนักและคณะศรัทธาได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้น โดยให้ชื่อว่า วัดสันเข้าน้อย ที่ให้ชื่อว่าวัดสันเข้าน้อย 
ก็เพราะว่าสมัยนั้นเจ้าผู้ครองเมืองหิริภูชัย คือเจ้าภารดี ภูธรบวรได้มาตั้งฉางเก็บข้าวไว้ในหมู่บ้าน 
โดยสร้างเป็นหลังเล็กๆ(น้อย) จึงตั้งชื่อบ้านและวัดว่า สันข้าวน้อย ต่อมากลายเป็นฉางข้าวน้อย 
จึงเรียกกันว่า วัดฉางข้าวน้อยใต้ เนื่องจากว่ามี วัดฉางข้าวน้อยอยู่2แห่งคือ วัดฉางข้าวน้อยใต้ และ
วัดฉางข้าวน้อยเหนือ
  ลักษณะ ทำเลที่ตั้ง
       บ้านฉางข้าวน้อยใต้  ตั้งอยู่ในอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน  มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ผ่าน
( ถนนลำพูน-ลี้ )อยู่ห่างจากตัวอำเภอป่าซาง 3 กิโลเมตร
v      ทิศเหนือ  ติดกับ บ้านฉางข้าวน้อยเหนือ
v      ทิศตะวันออก  มีแม่น้ำทาเป็นแนวเขต กั้นระหว่าง อำเภอป่าซางกับอำเภอเมือง ลำพูน
v      ทิศตะวันตก  ติดกับตำบล แม่แรง
v      ทิศใต้  ติดกับ บ้านสะปุ๋ง ตำบลม่วงน้อย
v      มีแม่น้ำทา ไหลผ่านทางทิศตะวันออก มีฝายกั้นน้ำทั้งหมด 3 ฝาย เป็นลำเหมืองที่ใช้ประโยชน์ในทางการเกษตร
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
          ( 1 )  ข้าว   เกษตรกรนิยมบริโภคข้าวเหนียว มากกว่าข้าวเจ้า พันธุ์ข้าวที่ใช้ในการเพาะปลูกก็คือ พันธุ์ กข6 เหนียวสันป่าตอง ผลผลิตส่วนใหญ่ใช้บริโภคกันในครอบครัวไม่พอเพียงที่จะขาย จะมีการนำเข้าข้าว มาจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยาเป็นต้น เพื่อนำมาขายในพื้นที่ในปัจจุบัน   พื้นที่ในการปลูกข้าวลดลงเนื่องจากเกษตรกร ใช้พื้นที่ปลูกลำไยกันมาก
          ( 2 ) กระเทียม เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ เพราะมีสภาพดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย สภาพดินและน้ำเหมาะแก่การเพาะปลูก
          ( 3 )  หอมแดง  หอมแดงเป็นพืชอายุสั้น ใช้เวลาปลูกประมาณ 2-3เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ และก็นิยมปลูกกันมากในอำเภอ ป่าซาง
          (4 ) ลำไย  เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดลำพูน สามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกๆอำเภอ พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากได้แก่ พันธุ์อีดอ 

กุ้งแคระสวยงาม


กุ้งเรดบี ราชันย์ แห่งกุ้งแคระสวยงาม



          กุ้งเรดบีเป็นกุ้งแคระสวยงาม กุ้งแคระชนิดนี้ได้รับความนิยมในประเทศไทย เมื่อไม่กี่ปีนานมานี้ ส่วนใหญ่ คนจะสนใจกุ้งเคระชนิดอื่นที่ราคาถูกกว่า เช่น กุ้งแคระเชอรี่ เพราะกุ้งชนิดนี้หาซื้อง่าย        เลี้ยงง่าย เหมาะแก่ภูมิอากาศของประเทศไทยสามารถเพาะพันธุ์ได้ง่ายกุ้งแคระที่ได้รับความนิยมมีอีกหลายสายพันธุ์ อาทิเช่น  Tiger Shrimp, Bee Shrimp, Blue Shrimp, Green Shrimp, และ Blackberry Shrimp, ซึ่งแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ที่สวยงามไม่แพ้กันเลย แต่การเลี้ยงต้องยกให้กุ้งเชอรรี่ค่ะเพราะตายยาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ไม่ต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงมาก คนที่สนใจกุ้ง จึงเข้ามาเวปของคนเลี้ยงกุ้งทำให้ ได้พบกับกุ้งที่สวยที่สุดในบรรดากุ้ง เป็นราชาของกุ้งแคระเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ กุ้บี

ประวัติความเป็นมาของ Red Bee Shrimp
     กุ้งเรดบี ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อ 10 ปี ที่แล้วในประเทศญี่ปุ่นโดย Mr.Hisayasu Suzuki. บุคคลคนนี้ได้นำกุ้งบีธรรมดา (Bee Shrimp "Caridina serrata") มาผสมพันธุ์กันโดยใช้หลักการผสมพันธุ์แบบสายเลือดชิด (Inbreed) เราสามาถรถพบ Bee Shrimp ได้ตามลำธารทางตอนใต้ของประเทศจีน  
Bee Shrimp และกุ้งแคระในตระกูล "Caridina" เมื่อโตเต็มที่จะยาวเพียง 3-4 เซนติเมตรเท่านั้น ลักษณะโดยทั่วไปของ Bee Shrimp ลำตัวจะสั้นป้อม มีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้ม สีดำไปจนถึงสีดำเหลือบน้ำเงิน มีปล้องสีขาวจางๆ สลับใส ตรงปลายส่วนหัวบริเวณกรีกลางลำตัว และอาจมีบ้างบริเวณปลายหาง การเลี้ยงกุ้งเรดบีต้องมีความชำนาญ คลุกคลีกับการกุ้งมาก่อนและมีประสบการณ์ทางด้านนี้อยู่พอสมควรอีกทั้งยังต้องมีกำลังทรัพย์ที่สามารถจะไปลงทุนกับความสวยงามของกุ้งชนิดนี้ สิ่งที่จำเป็นของกุ้งชนิดนี้คือ  น้ำต้องเย็น ช่วง 23-25องศา เป็นช่วงที่เลี้ยงเรดบีรอดมากที่สุด ที่สำคัญต้องมีค่า ph    อยู่ช่วง 4-7 เป็นช่วงที่เหมาะสมค่า gh ประมาณ 4ต้องเลี้ยงโดยใช้ดินที่มีแร่ธาตุเหมาะสมกับกุ้งแคระชนิดนี้ ต้องมีกรองนอกเพื่อนช่วยกำจัดของเสียเพราะกุ้งมีของเสียมากค่ะอุปกรณ์ต่างๆที่พูดมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ถ้าที่บ้านมีน้ำประปาที่อุณหภูมิ ประมาณ23-25 องศา ก็สารถเลี้ยงได้ค่ะ หรือถ้ามีอากาศภายในห้องที่เย็นจนทำให้น้ำเย็นไปด้วย ไม่อย่างนั้น ต้องติด ชิลเลอร์หรือ ติดแอร์ ไปเลย เพราะกุ้งจะสามารถอยู่ได้และสืบพันธ์ได้เมื่อมีอุณหภูมิประมาณนี้ราคา ของอุปกรณ์ทุกชิ้นรวมกัน ราคาหมื่นต้นๆ แต่ถ้าไม่ติดเครื่องทำความเย็น เพราะว่าไม่ต้องใช้ ก็ลดราคาลงมาเหลือประมาณ 2000 – 5000 บาทค่ะ

 รูปตู้กุ้งเรดบีที่มีชิลเลอร์และกรองนอกค่ะ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

mini aquarium ^^


การเลี้ยงปลาทะเลและปะการังในระบบปิด  
       
     วัดีค่ กลับมาอีกครั้งในบทความที่สองนะคะ เรื่องที่จะนำมาเขียนในครั้งนี้เกี่ยวกับการ
ตั้งตู้ปลาทะเลค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่าไปเที่ยวที่ร้านขายปลาแล้วบังเอิญแลไปเห็นเจ้านีโม่น้อยที่กำลังแหวกว่ายไปมาอย่างน่ารักเลยเกิดกิเลสตันหาอยากมีตู้ปลาทะเลไว้ที่บ้านซักตู้ หลังจากนั้นเลยเริ่มหาข้อมูลต่างๆจนตั้งตู้ปลาทะเลได้สมดั่งใจหวัง วันนี้เลยจะขอเอาความรู้และประสบการจากการเลี้ยงปลาทะเลมาเล่าสู่กันฟังค่ะ และนี่ก็คือตู้ปลาทะเลที่เลี้ยงมาได้
9 เดือนค่ะ



ข้อมูลตู้และอุปกรณ์
-ตู้ปลาขนาด กว้าง30 สูง14 ยาว14
-ไฟ Dimax T5-HO  ขนาด36นิ้ว (ควบคุมเปิด-ปิดวันล่ะ 6..ด้วนทามเมอร์ค่ะ)
-ที่วัดอุณหภูมิแบบดิจิตอล
-กรองล่าง กั้นเป็นสามช่องขนาดกว้าง16 สูง12 ยาว12
-พัดลมหอยโข่ง (เอาไว้เป่าน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ ลดได้1-3 องศาเซลเซียสค่ะ )
-โปรตีนสกิมเมอร์
-ปั้มน้ำ 400 ลิตรต่อชั่วโมง สองตัว, ปั้มเล็กทำคลื่น 1 ตัว
-กล้องวัดความเค็ม
-ชุด Test PH ,
ammonia, nitrite และ nitrate

สิ่งมีชีวิตในตู้
(สิ่งมีชีวิตบางชนิดไม่ทราบชื่อทางวิทยาศาสตร์อ่ะค่ะเอาเป็นว่าเรียกตามชาวบ้านเค้าล่ะกัน)
-ปลาการ์ตูนส้ม
-ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ
-ปลาการ์ตูนปล้อง 1 ตัว (อดีตเคยมี2แต่ลากลับบ้านเก่าไปแล้ว1)
-ปลาเด็มเซลนีออน (หรือเรียกนีออนเฉยๆก็ไม่รู้เห็นสวยดีเลยซื้อมา)
-ปลาตาหวาน (ร้านเค้าบอกมางี้)
-ปลาโกบี้หน้าผี
-ปลาโกบี้อมทราย
-ตัวที่สีเหลืองครึ่งนึงสีชมพูครึ่งนึง (จำชื่อไม่ได้ค่ะ-*-)
-กุ้งพยาบาล
-หอนนมสาว (ฮั่นแน่ๆ ยากเห็นแล้วล่ะสิ)

ต่อมาเป็นปะการังใต้ทะเล
-สตาร์เมททัลลิค ฮ่องกง
-เห็ดขนเขียว
-เพลทไทย
-สาหร่ายแดง สาหร่ายพวงองุ่น
-ขาหมู (ไม่ใช่ที่เอามาทานกะข้าวนะ)
-สตาร์ไทย
-เห็ดม่วงอินโด
-หนอนท่อ
-เห็ดอะไรซักอย่าง จำชื่อไม่ได้ (อีกแล้ว)
-นมแอน เอ้ย..แอนนม (ชื่อดอกไม้ทะเลชนิดหนึ่งที่นีโม่อาศัยอยู่)
-กระดุมเขียวยักษ์ ,กระดุมชมพู,กระดุมไทยอื่นๆ
ส่วนหินที่เห็นในตู้ก็คือหินเป็น

เรามาทำความรู้จักกับหินเป็นกันดีกว่า
หินเป็น เกิดจากการทับถมของซากปะการังที่ตายแล้วจึงทำให้ภายในหินเป็นมีรูพรุน
เป็นจำนวนมาก บริเวณผิวของหินเป็นจะมี
Nitifying Bacteria อาศัยอยู่(เป็นแบคทีเรียที่เปลี่ยนแอมโมเนียมให้เป็นไนไตรต์และเปลี่ยนไนไตรต์ให้เป็น ไนเตรต) และภายในของหินเป็นจะมี Denitrifying Bacteria อาศัยอยู่ซึ่งเป็นที่ๆออกซิเจนเข้าไปได้น้อยมาก(เป็นแบททีเรียที่เปลี่ยนแปลงไนเตรทเป็นสารประกอบ ซึ่งทำให้ระบบสลายของเสียของตู้จะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นหินเป็น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับตู้ปลาทะเลอย่างมากทุกตู้อย่างน้อยต้องมีหินเป็น1-2ก้อน เพื่อเป็นที่อยู่สำหรับ แบคทีเรีย แพลงตอน และปลาจะทำให้ปลาเครียดน้อยลงแล้วจะเป็นตัวที่สามารถกำจัด ไนเตรทแอมโมเนียได้ดีหินเป็นสำคัญมากถ้าไม่มีทรายเป็นถ้าเรามีทรายธรรมดาเรามีหินเป็นผ่านไป1เดือน ทรายเหล่านั้นก็จะมีสิ่งมีชีวิตลงไปอยู่จากหินเป็น เช่น แบคทีเรีย และ หนอนทะเล
(ขอบคุณข้อมูลจาก
www.reefthailand.com)

วิธีเลือกหินเป็นสำหรับตู้ปลาทะเล
1. หินต้องไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
2. หินต้องไม่ขึ้นรา
3. หินต้องพยายามเลือกชิ้นที่มีตะไคร่เกาะอยู่น้อยๆจะดีกว่า
4. ถ้าหินเป็นมีพวก algae หรือ สีม่วงๆตามหินเป็นจะเป็นหินที่ดี
5. ถ้ามีพวกปะการังบางชนิดติดหินได้ก็ยิ่งดีค่ะ อย่างเช่นพวก เห็ด หรือกระดุม
6. ควรเลือกหินเป็นที่ร้านที่มีถังพักหินเป็นจะดีกว่า
7. หินเป็น ควรจะอยู่ในน้ำเวลาเราซื้อไม่ใช่แห้งแล้ว สิ่งมีชีวิตจะตายเรียบร้อย
8. เวลานำหินเป็นกลับบ้านควรที่จะมีอะไรห่อไว้อย่างเช่นหนังสือพิมพ์เปียกๆ เพื่อให้หินมีความชุ่มชื่น สิ่งมีชีวิตจะได้ไม่ตาย

ต่อมาก็โปรตีนสกิมเมอร์
โปรตีนสกิมเมอร์ เป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่ช้อนฟองที่จับเอาอณูอินทรีย์ออกจากน้ำ ก่อนที่อณูอินทรีย์เหล่านั้นจะเกิดปฏิกิริยาเน่าเปื่อยและเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียในวัฏจักรไนโตรเจน ฟองที่สกิมเมอร์กำจัดออกไปได้นั้นจะประกอบไปด้วย โปรตีน กรดอะมิโน ไขมัน และของเสียอื่นๆ อื่นที่เกิดจากของเสียของสิ่งมีชีวิตในตู้ทะเล

การทำงานของโปรตีนสกิมเมอร์
โปรตีนสกิมเมอร์ทำงานโดยการสร้าง "ฟอง" ในหลอดปฏิกิริยา(ตัวเครื่องของสกิมเมอร์)เข้าไปผสมกับน้ำที่ไหลผ่านและจับเอาสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นของเสียออกจากน้ำและฟองเหล่านั้น จะถูกดันขึ้นข้างบนจากแรงดันของน้ำจนล้นออกไปที่ถ้วยรับของเสีย การทำงานลักษณะนี้เป็นหลักการง่ายๆ ที่สามารถรักษาความสะอาดของน้ำในตู้ทะเลได้เป็นอย่างดี โดยของเสียเหล่านี้จะไปถูกเก็บไว้ในถ้วยเก็บของเสียในรูปของน้ำสีเขียว หรือสีน้ำตาล เพื่อรอการนำไปทำความสะอาดต่อไปค่ะ



ขั้นตอนในการทำตู้ทะเล

1.ทำความสะอาดตู้ด้วยน้ำเปล่าและฟองน้ำหรือผ้าื เช็คขาตั้งและพื้นว่าแข็งแรงและระนาบดีพอที่จะรับน้ำหนักทั้งหมดของตู้ได้(ควรคำนวณความจุของน้ำ และ น้ำหนักหินที่จะใส่ในตู้)วางตู้ในสถานที่ที่ต้องการตั้งและติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมด
 
2.นำเกลือสำหรับตู้ปลาทะเลที่ซื้อมาปั่นทิ้งไว้ให้ละลายหรือจะซื้อน้ำเกลือทะเลจากร้านค้าเลยก็ได้  แต่ปั่นเองจะถูกกว่านะคะ

3.นำปะการังป่น(ที่บ้านใช้ปะการังป่นเบอร์0 ค่ะขนาดพอดี)ใส่ลงในตู้แล้วเติมน้ำแล้วก็ลงหินเป็น ส่วนในกรองก็ติดตั้งโปรตีนสกิมเมอร์ แล้วก็ใส่ปะการังกรองและใยกรองลงไปในช่องที่น้ำลงและช่องสุดท้ายของกรองเป็นช่องน้ำขึ้นจะเอาหินเป็นใส่หรือปะการังก็ได้

4.ใส่ไบโอติม(อาหารของแบคทีเรีย)สองหลอดทิ้งไว้ซัก15นาที แล้วใส่ใบโอไดเจส(แบคทีเรีย)ลงไปอีกสองหลอด รันระบบทิ้งไว้สองอาทิตย์ (จริงๆแล้วต้องรันระบบประมาณหนึ่งเดือน)วัดค่าความเค็ม, PH , ไนไตรท์ ,แอมโมเนียม ผลออกมาไม่มีปัญหาเลยลงนีโม่ส้มไปหนึ่งตัว จากนั้นก็ทยอยลงสิ่งมีชีวิตต่างๆ

5.ตรวจวัดค่าต่างๆ(ความเค็ม, ammonia, nitrite และ nitrate)เดือนละครั้ง จะให้ดีอุณหภูมิน้ำไม่ควรเกิน 30องศาเซลเซียสนะคะ

แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เราก็จะได้ตู้ปลาทะเลสวยๆไว้ดูเล่นแล้วล่ะค่ะ


(ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ)

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

ชื่อ(สุนัข) สำคัญไฉน


ชื่อ(สุนัข) สำคัญไฉน
 ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ.. . บทความนี้เขียนให้ทราบเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการตั้งชื่อลูกสุนัขว่ามีเทคนิคการตั้งอย่างไร ไม่ถึงขนาดดูฤกษ์ดูยามหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ต้องพึ่งหมอดูด้วย ^^”
                ในสมัยก่อนตอนเด็กๆไปเที่ยวบ้านคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย เขานิยมเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นสุนัขไทยแลนด์ดีๆนี้แหละไม่ใช่สุนัขนอกที่นิยมเลี้ยงกัน ในเรื่องของอาหารคุณเธอก็จะเป็นน้ำและเศษอาหารตามมีตามเกิด  และไม่ท้องเสียเมื่อทานอาหารบูดไม่แปลกหรอกค่ะเพราะเขาชินกับอาหารแบบนั้น  เอ้า..พูดมาตั้งนานไม่เห็นเกี่ยวกับชื่อสุนัขเลย  เอาเป็นว่าเข้าเรื่องกันดีกว่า  การตั้งชื่อสุนัขก็มีส่วนสำคัญไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเพราะถ้าตั้งชื่อคำพยางค์เดียวคงไม่เหมาะ ซักสองพยางค์น่าจะดี เช่น   ฮอนด้า (เจ้าของชอบรถ) , “โตโต้เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาต่างประเทศภาษาไทยเราก็ใช้ได้ เช่น ออดอ้อน (ฟังดูแล้วไม่ดุแต่ยิ้มฟันเต็มปาก)ตักบุญ(แหม.. ธรรมะจิงๆ)  การตั้งชื่อสองพยางค์ที่สำคัญเลยคือจะทำให้เขาจำชื่อเขาได้ง่ายเพราะถ้าตั้งชื่อพยางค์เดียวเช่น ซูเรียกครั้งเดียวอาจจะไม่หัน แต่ถ้าเรียกสองพยางค์ เช่น ซูซี่เป็นการเน้นคำเขาก็มักจะหันมาเองลองดูก็ได้ถ้าซื้อสุนัขมาใหม่ๆ  แต่ขอบอกก่อนนะว่าไม่ควรตั้งชื่อเหมือนชื่อคน(โดยเฉพาะคนข้างบ้าน) เดี๋ยวบ้านแตก เรียกคนหมาหัน เรียกหมาคนหัน อะไรทำนองนั้น  บางทีก็เคยเห็นคนเขาตั้งชื่อสุนัขเลียนเสียงแมวเช่น เหมียวๆ ปรากฏว่าหมาไม่หันหรอก จานบินลอยมาแทนหรือไม่ก็หินปลิวมาจากข้างๆบ้านนี่แหละ (ฮ่าๆ)หรือไม่ก็แมวมาแทน สับสนเลยค่ะขอแนะนำให้เปลี่ยนเหอะ  เอาล่ะพอจะทราบกันคร่าวๆก็ลองนำไปใช้กันดูนะคะ  ส่วนสุนัขที่เห็นในภาพนี้เป็นสุนัขพันธุ์ บีเกิ้ล  ที่กำลังเลี้ยงอยู่ค่ะ มีชื่อว่า ซูโม่กับ ซูชิชื่อคล้ายๆกันตอนที่เรียกแรกๆก็เรียก ซูโม่ แต่  ซูชิ มาแทน บ้างตอนนี้เขาจำชื่อของตัวเองได้แล้วค่ะ  ตอนนี้อายุ 9 เดือนกว่าๆแล้ว (ส่วนในรูปนั้นเป็นรูปตอนประมาณ3เดือนค่ะ)